Tuesday, August 7, 2012

Bridal Teeth Whitening


เริ่มต้นวางแผนการแต่งงาน ว่าที่บ่าวสาวอาจต้องเครียดกับการเลือกสถานที่จัดเลี้ยง ชุดแต่งงาน เสื้อ ผ้า หน้า ผม แต่เมื่อทุกอย่างพร้อมคุณอาจลืมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไป อย่าลืมว่าในวันแต่งงานหน้าที่สำคัญของคุณคือการต้อนรับแขกที่ให้เกียรติมาเป็นสักขีพยานแห่งความรักของคุณในค่ำคืนที่พิเศษสุด แขกที่มาร่วมงานต่างชื่นชมว่าที่บ่าวสาวที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวกับรอยยิ้มสวยๆ ของคู่บ่าวสาวเป็นอันดับแรก รอยยิ้มจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องมั่นใจ และพร้อมยิ้มสวยด้วยฟันที่ขาว แลดูสดใส พร้อมทุกสถานการณ์ วันนี้เราเอาคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการทำ whitening หรือการฟอกฟันขาวมาฝากกันค่ะ วิธีการทำมีหลายวิธี อาจซื้อผลิตภัณฑ์ Whitening มาทำที่บ้านด้วยตนเองก็ได้ แต่ทางที่ดีคุณควรปรึกษาแพทย์ที่ชำนาญโดยตรงนะคะ แต่ก่อนอื่นเรามารู้จักฟันของเรากันก่อนค่ะ


 โดยทั่วไปสีฟันที่เข้มเกิดจาก 3 ลักษณะ คือ:
1.   การเปลี่ยนสีของฟันที่เกิดขึ้นภายในตัวฟัน เกิดจากการดื่มน้ำหรือรับประทานสารที่มีฟลูออไรด์มากเกินไป ทำให้เกิดเป็นลักษณะฟันตกกระ (Fluorosis) หรือการรับประทานยาปฏิชีวนะพวกเตตร้าไซคลิน (Tetracycline) ที่ได้รับมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา รวมทั้งเกิดจากวัสดุอุดฟันที่มีส่วนผสมของโลหะ ฟันที่ตายเนื่องจากถูกกระทบกระแทก ฟันตายหมายถึงฟันที่ไม่มีเส้นเลือดเส้นประสาทมาหล่อเลี้ยงทำให้สีฟันไม่ขาวใสเหมือนฟันธรรมชาติ ซึ่งจะเกิดกับฟันที่ผุมากๆแล้วทิ้งไว้นานๆไม่ได้รักษา หรือฟันที่เคยรักษาคลองรากฟันมาแล้ว สาเหตุดังกล่าวอาจทำให้ฟันเป็นสีเทาดำหรือน้ำตาลเข้มมากๆ ด้วยสาเหตุนี้การฟอกสีฟันจะไม่ค่อยได้ผล แต่ถ้าต้องการฟันขาว ก็สามารถทำได้โดยการทำ Veneer หรือ Facing

2.   การเปลี่ยนสีของฟันที่เกิดขึ้นภายนอกตัวฟัน ได้แก่ การที่มีคราบหินปูนหรือหินน้ำลาย คราบชา กาแฟ น้ำอัดลม ไวน์แดง หรือแกงเผ็ดต่างๆ การสูบบุหรี่ รวมไปถึงการแปรงฟันที่ผิดวิธี ทำให้มีแผ่นคราบจุลินทรีย์และหินปูนไปเกาะที่ผิวนอกของตัวฟันทีละน้อยจนทำให้ฟันมีสีเหลืองเข้มขึ้น สาเหตุจำพวกนี้แก้ไขได้ไม่ยาก แค่มาขัดฟัน ขูดหินปูน หรือทำ Air Flow หลีกเลี่ยงชา กาแฟ บุหรี่ แปรงฟันให้ถูกวิธี ก็สามารถช่วยได้

3.   การเปลี่ยนสีของฟันที่เกี่ยวข้องกับอายุ ส่วนของเคลือบฟันจะบางลงเมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นทำให้เห็นเนื้อฟันซึ่งอยู่ชั้นในและมีสีค่อนข้างเหลืองชัดเจนขึ้น เป็นกรณีที่ฟันเหลืองตามธรรมชาติแต่เข้มมากกว่าปกติ จะทำการฟอกสีฟันได้ด้วยเจลฟอกสีฟัน โดยทันตแพทย์จะต้องตรวจดูสภาพของเหงือกและฟัน รอยร้าวต่างๆบนตัวฟันและสภาพการรั่วของวัสดุอุดฟัน รวมทั้งจะต้องขูดหินปูนเพื่อทำความสะอาดฟันและลดการอักเสบของเหงือกก่อน

ดังนั้น เพื่อขจัดคราบสกปรก และคราบหินปูนต่างๆ  เพื่อสุขภาพฟันที่ดี มาดูวิธีการฟอกสีฟันกันต่อค่ะ

วิธีในการฟอกสีฟันแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

1. In-office bleaching (การฟอกสีฟันในคลินิก) ทำได้ 2 วิธี
•    การฟอกสีฟันโดยการใช้แสงเลเซอร์ฟอกสีฟัน (Laser Tooth Whitening) แสงเลเซอร์ที่ใช้เป็นพลังงานแสงประสิทธิภาพสูงที่ให้ความร้อนต่ำสามารถกระตุ้นปฎิกิริยาเคมี ในเจลฟอกสีฟันมำหน้าที่ดึงรงควัตถุเม็ดสี (Colour Pigments) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยัง สามารถกำหนดทิศทางของแสงได้ดีกว่าเครื่องฉายแสง U.V. ทั่วไปที่มีรัศมีวงกว้างและให้ความร้อนสูง วิธีการนี้จึงมีความปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอันตรายและระคายเคืองต่อเหงือก โดยใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 45 นาที

•    การฟอกสีฟันโดยการใช้เแสงเย็น (Cold Light) เป็นเทคโนโลยีระบบการใช้แสงเย็นและอุณหภูมิที่ต่ำ และใช้สูตรการฟอกสีฟันที่ได้รับพัฒนาปรับปรุงพิเศษ ทำให้กระบวนการของการฟอกสีฟันเป็นผลและได้ประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว โดยใช้ระยะเวลาการฟอกสีฟันประมาณ 30-60 นาที ไม่ทำลายเคลือบฟัน และไม่ทำให้ฟันเกิดการเสียหาย

•    การฟอกสีฟันโดยการใช้เครื่องฉายแสง U.V. (แสงสีฟ้า) เป็นการฟอกสีฟันด้วยพลังงานแสงความร้อน ที่มีรัศมีวงกว้างไปกระตุ้นปฎิกิริยาเคมีในเจลฟอกสีฟัน ข้อดีคือสามารถฟอกสีฟันได้ในระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยไม่ต้องนำกลับไปทำทีบ้าน ผลข้างเคียงเฉพาะบางรายอาจทำให้เหงือกมีอาการเจ็บแสบ แดง หรืออักเสบ รวมทั้งอาจทำให้มีอาการเสียวฟัน มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิด ความเข้มข้นของสารที่ใช้ รวมทั้งระยะเวลาที่ใช้ฟอกสีฟัน อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นช่วงสั้นๆในขณะที่ทำการฟอกสีฟันซึ่งจะค่อยๆหายไปเมื่อหยุดฟอกสีฟัน

2. Home Bleaching (การกลับไปฟอกสีฟันเองที่บ้าน)
การฟอกสีฟันโดยการนำน้ำยาฟอกสีฟันกลับไปฟอกสีฟันเองที่บ้าน ภายใต้การควบคุมดูแลของทันตแพทย์ เป็นระยะๆ คนไข้จำเป็นต้องพิมพ์ปาก ทำถาดพลาสติกสำหรับใสสารฟอกสีฟันให้คนไข้เฉพาะราย โดยถาดฟอกสีฟันจะต้องแนบพอดีกับตัวฟันและเหงือก และมีที่ว่างสำหรับใส่เจลฟอกสีฟัน โดยต้องใส่ทิ้งไว้ตลอดคืน นาน 10-15 วัน โดยทั่วไปในระหว่างการฟอกสีฟัน ทันตแพทย์จะนัดกลับมาประเมิณผลสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อพิจารณาปรับความเข้มข้นของสาร และระยะเวลาในการทำแต่ละครั้งให้เหมาะสมต่อไป

หลังการฟอกสีฟัน ควรปฎิบัติดังนี้:
1.    ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
2.    ควรหลีกเลี่ยงการบริโภค ชา กาแฟ โคล่า ไวน์แดง อาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม
3.    ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มร้อนจัด หรือเย็นจัด
4.    ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเปรี้ยวจัดใน 2 สัปดาห์แรก
5.    ควรหลีกเลี่ยงน้ำยาบ้วนปาก และยาสีฟันที่มีสีเข้มด้วยเช่นกัน ควรใช้ยาสีฟันที่ใช้ร่วมกับการฟอกสีฟันโดยเฉพาะ