Friday, March 8, 2013

Five Wedding Traditions that you might not know

  หลาย ๆ คนอาจคุ้นเคยกับธรรมเนียมดั้งเดิมของพิธีแต่งงานกันมาบ้างผ่านทางนิยาย ภาพยนตร์ หรืองานแต่งของตัวเอง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ถึงที่มาจริง ๆ ของธรรมเนียมพวกนี้ ดังนั้น วันนี้เราจึงได้รวบรวมที่มาของธรรมเนียมต่าง ๆ มาฝากให้สาว ๆ ที่สนใจได้อ่านดู ลองไปดูกันเลยค่ะ

1. ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว (Wearing a veil)
          การที่เจ้าสาวใช้ผ้าคลุมหน้าสีขาวกันมาตั้งแต่สมัยก่อนนั้นมีเหตุผลด้วยกัน 2 อย่าง อันดับแรกคือเพื่อปกปิดใบหน้าให้เจ้าบ่าวได้ตะลึงกับใบหน้าสวย ๆ เมื่อทำพิธี และอย่างที่สองก็คือเพื่อใช้สื่อถึงความบริสุทธิ์ไร้เดียงสานั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันเจ้าสาวหลายคนอาจมีดีไซน์ผ้าคลุมหน้าที่แตกต่างออกไป ทั้งแบบที่ปิดใบหน้าเพียงครึ่งเดียวหรือที่เป็นสีหวาน ๆ อื่น ๆ เช่น สีชมพูแทน

2. การใส่แหวนที่นิ้วนาง (wedding ring on ring finger)
          เชื่อกันว่าที่จริงแล้วการใส่แหวนแต่งงานนั้น มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอียิปต์ ซึ่งริเริ่มใส่แหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายเพราะเชื่อว่าเป็นนิ้วที่มีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงถึงหัวใจโดยตรง และเมื่อประเทศกรีซเข้ารุกรานอียิปต์ ก็เลยได้รับวัฒนธรรมนี้เข้ามาด้วย จึงกลายเป็นธรรมเนียมสืบทอดกันมาจนถึงทุกวันนี้

3. ธรรมเนียมโยนดอกไม้ (Throwing the bouquet)
          อยากรู้ล่ะสิว่าถ้าคนโสดรับช่อดอกไม้ได้จะสมหวังจริงรึเปล่า...แต่เรื่องนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์หรอกนะ เพียงแต่ว่าการโยนดอกไม้นั้นมีที่มาลึกซึ้งกว่าที่คุณคิดเท่านั้นเอง โดยในสมัยก่อน บรรดาสาวโสดทั้งหลายจะมาตัดชายกระโปรงเจ้าสาวไปขอพรให้ตัวเองได้สมหวังบ้าง ดังนั้น เพื่อปกป้องชุดของตัวเองไม่ให้กลายเป็นผ้าขี้ริ้วหลังพิธี เหล่าเจ้าสาวจึงปิ๊งไอเดียโยนช่อดอกไม้ขึ้นมาให้สาวโสดผู้โชคดีรับแทน

          นอกจากนี้ ในสมัยก่อนช่อดอกไม้ก็ไม่ได้มีแต่ดอกไม้อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ด้วย โดยในอดีตช่อดอกไม้จะใส่กระเทียมและพวกสมุนไพรต่าง ๆ ลงไปด้วย เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป และค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นช่อดอกไม้อย่างในปัจจุบัน ซึ่งรับแล้วจะได้แต่งงานจริงไหม ก็คงต้องถามเอาจากสาว ๆ ที่เคยได้รับดอกไม้ในงานกันดูล่ะค่ะ

4. สายรัดถุงน่องของเจ้าสาว (throwing the wedding garter)
          ธรรมเนียมการโยนสายรัดถุงน่องให้หนุ่ม ๆ ในงานอาจไม่คุ้นหูสำหรับบางคน แต่เป็นพิธีที่นิยมกันมากในต่างประเทศ โดยเจ้าสาวจะโยนสายรัดถุงน่องของตัวเองให้หนุ่มโสดในงาน ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่ได้รับจะโชคดีได้แต่งงานเป็นคนต่อไปไม่ต่างจากการโยนดอกไม้ ซึ่งที่มานั้นก็เหมือนการโยนดอกไม้ นั่นก็คือเพื่อปกป้องชุดเจ้าสาวจากความเชื่อที่ว่า ชิ้นส่วนจากชุดเจ้าสาวจะช่วยให้ตัวเองโชคดีนั่นเอง ซึ่งถ้าดูจากความเชื่อนี้แล้ว ถ้าคนที่ได้สายรัดถุงน่องแต่งงานกับผู้หญิงที่ได้ดอกไม้คงโชคดีสุด ๆ เลยล่ะ

5. ชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ (White color of the wedding gown)
          หลาย ๆ คนอาจคิดว่าที่ชุดเจ้าสาวมีสีขาวก็เพื่อสื่อถึงความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น เพียงแต่มีเหตุผลอื่นด้วยเท่านั้นเอง โดยนอกจากชุดเจ้าสาวสีขาวจะแสดงถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่องของเจ้าสาวแล้ว ยังเป็นสีที่เหล่าผู้ดีในสมัยก่อนนิยมใส่กัน ในขณะที่ชาวบ้านธรรมดาจะใส่สีหม่น ๆ เช่น สีเทาอีกด้วย ดังนั้น การใส่ชุดแต่งงานสีขาวจึงแสดงถึงฐานะสูงศักดิ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี

          อ่านจบแล้วก็หวังว่าสาว ๆ จะเข้าใจที่มาดั้งเดิมของธรรมเนียมต่าง ๆ ในพิธีกันมากขึ้น จนสามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับงานแต่งของตัวเองได้ตามใจชอบด้วยนะคะ ^^



ที่มา kapook.com