Wednesday, September 5, 2012

สวยไม่ตกยุค แบบไม่ตกเทรนด์


เกิดเป็นผู้หญิงย่อมรักสวยรักงามไม่ว่าจะรุ่นใหนๆ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ และคุณรู้ไหมค่ะว่า สาวๆ นะเค๊ารักสวยรักงามมาตั้งแต่อดีต แม้เวลาจะผ่านพ้นไป ผู้หญิงก็ยังคงเสาะแสวงหาวิธีปรุงแต่งความงามของตัวเอง เปลี่ยนแปลงไปทุกยุคทุกสมัย เรามาเริ่มตามรอยความสวยของสาวๆ กันค่ะ...   


เริ่มตั้งแต่ ยุคโบราณของอียิปต์ เมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว ผู้หญิงในยุคนั้นรู้จักนำธรรมชาติมาประทินโฉม อย่างการทาเปลือกตาและขอบตาเพื่อความงามโดยใช้หินมาลาไคต์ (Malachite) แร่สีเขียวสด นำมาบดเป็นครีม ผู้นำแฟชั่นในตอนนั้นต้องยกให้ พระนางคลีโอพัตราผู้เลอโฉม ซึ่งพระองค์ทรงใช้ผงสีฟ้าสดที่บดจากหินลิปิสลาซูลี (Lapis Lazuli) ทาเปลือกพระเนตร และใช้ผงหินมาลาไคต์สีเขียวทาขอบพระเนตรด้านล่าง ทรงใช้ผงดินสอ (ผงดินสนิมเหล็ก) ทาพระโอษฐ์และพระปราง และใช้สารจากต้นเฮนนาทางฝ่าพระหัตถ์เพื่อให้เป็นสีชมพูให้ดูเยาว์วัย


เมื่อเข้าสู่ ยุคกรีกโบราณ ประมาณ 2,000 ปีที่ผ่านมา แฟชั่นในยุคนั้นนิยมใบหน้าที่ขาวโพลนงามกว่าแก้มที่มีสีแดง หญิงชาวกรีกจึงทาหน้าให้ขาวด้วย เซอรูส (Ceruse) ผงตะกั่วขาวผสมขี้ผึ้ง ไขสัตว์ น้ำมัน และไข่ขาว แม้ว่าสารตะกั่วเป็นอันตรายต่อร่างกายถ้าซึมผ่านผิวหนัง บางครั้งถึงขั้นตาบอดและเสียชีวิต แต่เพื่อความงามแล้วสาวยุคนั้นยินดีพลีกาย


พอเข้าสู่ ยุคโรมัน แฟชั่นหน้าขาวยังสืบทอดมาถึงยุคนี้ ชาวโรมันที่มีฐานะร่ำรวยทั้งหญิงและชาย ต่างใช้ผงตะกั่วขาวทาหน้า และใช้สีที่ทำจากตะกั่วแดงทาแก้ม ซึ่งในศตวรรษที่ 1 จักรพรรดิเนโร และมเหสีองค์ที่ 2 พระนามว่า ปอปเปีย ต่างก็ทาพระพักตร์ด้วยสีจากตะกั่ว พอตกกลางคืนจะพอกพระพักตร์ด้วยแป้งสาลีเปียก และน้ำนมลาเพื่อล้างพิษตะกั่ว  
 

ความงดงามของการแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า เริ่มต้นใน ยุค 20s ซึ่งตอนนั้นสาวๆ นิยมเน้นสีดำให้รอบดวงตา ดังเช่น สาว Theda Bara และ Josephine Baker และทาปากสีแดงเข้ม และยุคนี้เช่นกันที่ Grabrielle Coco Chanel เปิดตัวน้ำหอมกลิ่นแรกในปี 1921
     
       พอเข้า ยุค 30s หญิงสาวเริ่มออกมาทำงานนอกบ้าน แค่สีดำที่ทาดวงตาคงไม่พอ ตอนนี้สาวๆ เริ่มรู้จักนำโทนสีเทา-ดำ มาใช้ ผสานกับการแต่งดวงตาด้วยสีเงินตะกั่ว แล้วใช้เส้นดำตัดขอบตาให้ชั้นตาดูลึก เขียนคิ้วให้เรียวโก่งมากขึ้นด้วยสีน้ำตาลแดง และวาดริมฝีปากให้หยักมุมแบบ Cupids Bow Lips

จากนั้นมาการแต่งหน้าก็กลายเป็นศิปะมากยิ่งขึ้น เมื่อเข้าสู่ ยุค 40s ผู้หญิงต้องออกมาทำงาน ในขณะที่ ผู้ชายต้องร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุคนี้สาวๆ จะเน้นการใช้มาสคาร่า ทาปากสีน้ำตาลแดงเนื้อแมทต์ ปัดแก้มสีแอปพริคอท


พอเข้ายุค 50s สงครามเริ่มสิ้นสุด สาวๆ จึงหันมาให้ความสำคัญกับสีสันการแต่งหน้า โดยได้ไอดอลอย่าง สาวออเดรย์ แฮบเบิร์น เน้นตาโต ผมหน้าม้า ทาปากให้เรียบเนียน


เมื่อสาวสไตล์ละตินได้มาพบกับความซ่าของสาวดิสโก้ เลยเกิดเป็นสไตล์การแต่งหน้าของสาวยุค 60s ยุคนี้สาวๆ จะเขียนคิ้วให้บางเฉียบ แต่ยังคงความเข้มของตาด้วยอายไลเนอร์ สีอายแชโดว์ที่นิยมได้แก่ สีดำไปจนถึงสีฟ้าน้ำทะเล, น้ำเงิน, ม่วง, ชมพู, เขียว ส่วนสาวดิสโก้ ก็จะเพิ่มลูกเล่นอย่างการใช้ Glitter เพื่อให้โหนกคิ้ว โหนกแก้ม และริมฝีปากดูแวววาวเด่นชัดขึ้น และในยุคนี้เองที่เครื่องสำอางคลินิกข์ได้กำเนิดขึ้น


พอเข้าสู่ยุค 70s สาวๆ เริ่มใช้ขนตาปลอม กรีดอายไลเนอร์ เน้นขอบปากให้เด่นชัดด้วยดินสอเขียนขอบปาก เทรนด์การแต่งตาเน้นสีเข้มให้ดูโดดเด่นนั้นฮิตมาถึง ยุค 80s โดยเฉพาะ สาวพังก์ ที่นิยมถมสีดำรอบดวงตา ให้ตาดูลึก ในขณะที่ ดินสอเขียนขอบปากกลับเอาท์ แล้วสาวพังก์ก็ปล่อยให้เรียวปากซีดแบบนู้ดเท่านั้น แต่ที่ทำให้แฟชั่นยุคนี้น่าจดจำ ก็คือ ไอดอลอย่างมาดอนน่านั่นเอง


เมื่อหมดยุคสาวพังก์ เข้าสู่ยุค 90s-2000s สาวๆ หันมาดูแลผิวพรรณตัวเองมากขึ้น การแต่งหน้าจึงเน้นการเติมจุดเด่น และปรับจุดด้อยให้ดูเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด แบรนด์เครื่องสำอางต่างตอบรับความต้องการของสาวๆ ผลิตทั้งอายไลเนอร์กันน้ำ ลิปสติกเนื้อแมทต์ และกลอสแววววาวทุกสีสัน มาสคาร่าต่อขนตาและเพิ่มความหนาได้ รองพื้นที่มีหลากหลายแบบทั้งไฮไลต์ เฉดดิ้ง ทำให้สาวๆ เลือกสวยในแบบของตัวเองได้อย่างเต็มที่ อย่างสาวบริทนีย์ สเปียร์ส ที่ดังในยุค 90s


ยุค 2000-2009 เป็นยุคที่มีอิสระทางความสวย รับศตวรรษใหม่ ยุคนี้สาวๆ หันมาดูแลผิวพรรณมากขึ้น จะเห็นได้จากเครื่องสำอางที่เน้นผลิตไลน์สกินแคร์มาตอบรับความต้องการสาวๆ เริ่มใช้นวัตกรรมใหม่ๆ มาลบจุดด้อยของตัวเอง อย่าง เลเซอร์ เทอร์มาจ โบท็อกซ์ ส่วนสไตล์การแต่งหน้า สาวๆ ยุคนี้หันกลับไปนำเอาจุดเด่นของแต่ละยุคในอดีตมาปรับแต่งเข้ากับการแต่งหน้า สไตล์ของตัวเอง เรียกว่าเปิดอิสระให้สไตล์ของตัวเองอย่างเต็มที่ มาจนถึงปัจจุบัน ยุค 2012 สาวๆ ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เน้นความงามจากภายใน ให้สวยสดใสตลอดเวลา


สาวๆ ยังคงใส่ใจในการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าเทรนด์ความงามของหญิงสาวจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ สาวๆ ต้องเป็นคนอินเทรนด์ในแต่ละยุคให้เสมอค่ะ !